วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2559

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 12
วันพุธ ที่ 30 มีนาคม 2559

บรรยากาศการเรียน
       วันนี้อาจารย์และนักศึกษาเข้าห้องเรียนกันตรงเวลา บรรยากาศการเรียนเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เป็นกันเอง ครูยิ้มแย้มแจ่มใสนักศึกษาก็ยิ้มแย้มแจ่มใสตั้งใจเรียนฟังคำแนะนำของคุณครูเป็นอย่างดี

สาระ
1. กิจกรรมนำเสนอ
วิจัยเพิ่มเติม เรื่องทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยที่ได้รับจากการจัดกิจกรรมศิลปสร้างสรรค์ด้วยขนมอบ (นายอารักษ์ ศักดิกุล)
        การวิจัยครั้งนี้ เปนการวิจัยกึ่งทดลอง  เพื่อเปรียบเทียบทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตรของ เด็กปฐมวัยกอนและหลังการทํากิจกรรมศิลปสรางสรรคดวยขนมอบ ทั้งนี้เพื่อเปนประโยชน และเปน แนวทางสําหรับครู ผูปกครอง และผูที่เกี่ยวของกับการจัดการศึกษาปฐมวัย ในการพิจาณาเลือกกิจกรรม ที่จะชวยสงเสริมทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตรแกเด็กปฐมวัยไดอยางเหมาะสม ซึ่งมีลําดับขั้นตอน ของการวิจัยและผลของการวิจัย โดยสรุป ดังนี้
 ความมุงหมายของการวิจัย 
       เพื่อเปรียบเทียบทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตรของเด็กปฐมวัย กอนและหลังการจัดกิจกรรม ศิลปสรางสรรคดวยขนมอบ ได้แก่ การสังเกต เปรียบเทียบ จำแนก จัดหมวดหมู่
กลุมตัวอยาง   
       กลุมตัวอยางที่ใชในการวิจัยครั้งนี้ เปนเด็กปฐมวัยชาย-หญิง ที่มีอายุ 3 – 4 ป ซึ่งกําลัง ศึกษาอยูในชั้นอนุบาลปที่ 1/3 ภาคเรียนที่ 2 ปการศึกษา 2551 ของโรงเรียนอนุบาลกุกไก  สังกัด สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน  จํานวน  20 คน 
       กิจกรรมศิลปสรางสรรคดวยขนมอบเปนกิจกรรมที่ใชขนมอบประเภทตางๆ ในการทํากิจกรรม เชน ขนมปง คุกกี้ เคก ฯลฯ ซึ่งในการทํากิจกรรมเด็กสามารถเลือกทําไดตามความสามารถ และ ความสนใจ โดยมีวัตถุประสงค เพื่อใหเด็กไดเกิดการเรียนรู จากการใชประสาทสัมผัสในการทํากิจกรรม ศิลปะสรางสรรคดวยขนมอบ ทั้งนี้ยังฝกฝนเรื่องการสังเกตและการจําแนก การเปรียบเทียบ การจัด หมวดหมู ซึ่งผูวิจัยสรางขึ้นโดยยึดหลักของการทํากิจกรรมศิลปสรางสรรค ตามคูมือหลักสูตรการศึกษา ปฐมวัย 2546 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวของกับการจัดกิจกรรมศิลปสรางสรรค ตลอดจนการยึด ตามความเหมาะสมสอดคลองกับพัฒนาการและความสนใจของเด็กเปนหลัก
แผนการสอน
ชื่อกิจกรรม  ขนมปงแผนแตงหนา  
จุดประสงค
1. เพื่อใหนักเรียนไดพัฒนาการใชกลามเนื้อเล็กและการประสานสัมพันธระหวางมือกับตา  
2. เพื่อใหนักเรียนไดฝกการรับรูประสาทสัมผัส  
3. เพื่อใหนักเรียนไดรูจักสีแดง  สีขาว  สีเขียว  สีชมพู  
4. เพื่อใหนักเรียนไดฝกทักษะการสังเกตและการจําแนก  เปรียบเทียบ  จัดหมวดหมู  
5. เพื่อใหนักเรียนไดสงเสริมการแสดงออก  
6. เพื่อใหนักเรียนเกิดความสนุกสนานเพลิดเพลิน
เนื้อหา    ขนมปงแผนแตงหนา
กิจกรรมการเรียนรู  
ขั้นนํา  (กระตุ้นเด็ก)
1. นักเรียนและครูสนทนารวมกันคิดหาคําตอบจากปริศนาคําทาย อะไรเอย เปนแผน  สีขาว  นิยมทานคูกับแยม    
2. นักเรียนและครูสนทนารวมกัน  ดังนี้     
     2.1 ขนมปงมีลักษณะอยางไร  มีสีอะไร     
     2.2 ขนมปงมีสีอะไร  รสชาติเปนอยางไร  มีใครเคยทานบาง     
     2.3 นักเรียนคิดวาขนมปงทํามาจากอะไร     
     2.4 นักเรียนคิดวาขนมปงมีประโยชนไหม  และมีประโยชนอยางไร  
ขั้นสอน   
1. เด็กเลือกหยิบอุปกรณตามความสนใจของตนเอง  
 2. เด็กทํากิจกรรมตามความสนใจ โดยการนําขนมปงแผนรูปทรงตางๆ แยมผลไม  เกล็ด ช็อกโกแลต มาโรยหนา ทา วาด เขียน เพื่อสรางชิ้นงานตามความคิดและจินตนาการของตนเอง   
3. เมื่อทํากิจกรรมเสร็จแลวใหนําชิ้นงานวางบนถาดรองไปจัดรวมกันไวที่หนาชั้นเรียน   
4. เด็กชวยกันเก็บของ  ทําความสะอาดใหเรียบรอย
ขั้นสรุป   
1. นักเรียนนําเสนอผลงานของตนเองและสนทนารวมกับครู  ดังนี้    
     1.1 นักเรียนใชขนมปงรูปทรงใดบางมาทํากิจกรรม    
     1.2 ในชิ้นงานของนักเรียนมีอะไรที่เหมือนกัน  และอะไรที่ตางกัน  ตางกันอยางไร    
     1.3 ขนมปงของนักเรียนมีอะไรซอนอยูขางใน    
     1.4 นักเรียนคิดวาระหวางแยมผลไม กับเกล็ดช็อกโกแลต และขนมปง ตางกันหรือ เหมือนกันอยางไรบาง  
สื่อการเรียน  
1. ขนมปงแผนรูป  
2. แยมผลไมบรรจุในถุง 3สี  คือ  แยมสม  แยมสตอเบอรี่  แยมบลูเบอรรี่  แยมสัปปะรด 
3. เกล็ดช็อกโกแลต  
4. ถาดรองสําหรับวางชิ้นงาน  
5. ผาพลาสติกปูโตะ  
6. ถาดสําหรับใสขนม  
การประเมินผล  
1. สังเกตการทํากิจกรรมและการสนทนา  
2. สังเกตพฤติกรรมขณะเด็กทํากิจกรรม   



2. กิจกรรมการเรียนการสอน
นำเสนอแผนการจัดประสบการณ์แต่ละหน่วยที่ทุกกลุ่มเตรียมมา

หน่วย ยานพาหนะ

        สอนเรื่อง ประเภทของยานพาหนะ มี 3 ประเภท คือ ทางอากาศ ทางบก และทางน้ำ ขั้นนำเริ่มด้วยการถามประสบการณ์เดิมว่า "ตอนเช้าเด็กๆมาโรงเรียนกันด้วยยานพาหนะอะไรบ้าง"  ขั้นสอน ครูแนะนำอุปกรณื คือ ยานพาหนะที่อยู่ในกล่องและถามเด็กๆว่า ยานพาหนะประเภทนี้ควรจะอยู่ทางน้ำ ทางบก หรือทางอากาศ ให้เด็กๆออกมานำยานพาหนะไปติดทีละคน เช่น บอลลูน นไปติดบนฟ้า เป็นต้น
        กลุ่มนี้อาจารย์ให้คำแนะนำว่า กล่องที่ใช้ใส่ยานพาหนะให้ลองใช้ผ้าคลุม สมมติเป็นโรงเก็บยานพาหนะ และควรสอนไปอย่างเป็นขั้นตอน จากง่ายๆไปหายาก ไม่ควรมองข้ามจุดเล็กๆที่เราสามารถเสริมประสบการณ์เกี่ยวกับคณิตศาสตร์ได้ เช่น นำยานพาหนะออกมา แล้วนำตัวเลขฮินดูอารบิคไปติดกำกับไว้ เป็นต้น

หน่วย ของเล่นของใช้

           สอนเรื่องประเภทของเล่นของใช้ คือ มี 2 ประเภทได้แก่ ของเล่น และของใช้ ขั้นนำ เริ่มด้วยเพลงเก็บของ และเชื่อมโยงด้วยคำถาม คือ ถามเด็กๆว่า เวลาที่เด็กเล่นหรือใช้ของใช้ เด็กๆเก็บเข้าที่กันหรือเปล่า แล้วของเล่นของใช้ที่เด็กๆรู้จักหรือเคยใช้มีอะไรบ้าง (ถามประสบการณ์เดิม) ขั้นสอน สอนด้วยการที่ครูนำสื่อองเล่นของใช้ของจริงมาให้เด็กดู และบอกชื่อของชิ้นนั้น รูแจกของเล่นของใช้ให้เด็กคนละ 1 ชิ้น โดยให้เด็กนับไปด้วยเมื่อครูแจกคนที่ 1 ให้เด็กๆนับหนึ่ง เมื่อครูแจกคนที่สองให้เด็กๆนับสอง ไปจนถึงคนสุดท้าย แล้วครูสรุปว่าของเล่นของใช้มีทั้งหมด 15 ชิ้น และครูให้เด็กสำรวจของเล่นของใช้ที่ตนเองได้ และให้เด็กๆแยกประเภทว่าของที่ตนเองได้เป็นของเล่นหรือของใช้ แล้วให้เด็กนำมาวางไว้ที่ตะกร้าหน้าห้องให้ถูกต้อง ขั้นสรุป คือให้เด็กออกมาเสนอว่าของเล่นที่ตนเองได้เป็นของเล่นหรือของใช้ และครูพูดสรุปว่าของเล่นของใช้มีกี่ประเภท 
         กลุ่มของดิฉัน อาจารย์ให้คำแนะนำว่า เพลงที่นำมาใช้ควรเป็นเพลงอื่น เพราะเพลงนี้น่าจะไปอยู่ในหัวข้อการดูแลรักษา และต้องมีการสอนอย่างเป็นลำดับขั้นตอน สื่อที่นำมาให้เด็กดู ควรมีเกณฑ์บอก คือนิยามของคำว่าของใช้ ของใช้คือสิ่งที่เรานำมาใช้แล้วมีประโยชน์ต่อการดำรงชีวิต ส่วนสิ่งที่นำมาใช้แล้วไม่เกี่ยวกับการดำรงชีวิตก็ให้จัดอยู่ในกลุ่มของเล่น เป็นต้น และภาชนะที่ใช้ใส่ของเล่นของใช้ควรเป็นตะกร้าไม่ควรเป็นถุงกระดาษ ถ้าหากพูดว่า วันนี้ครูไปช้อปปิ้งมาได้ของมาเยอะเเยะเลยเด็กๆลองทายสิว่าในถุงนี้ครูซื้ออะไรมาบ้างน้า อาจใช้เป็นถุงกระดาษได้ (ขึ้นอยู่กับสถานการณ์)

หน่วย ผลไม้

               สอนเรื่องชนิดของผลไม้ ที่ยกมาวันนี้คือผลไม้ 2 ชนิด มะยงชิด กับองุ่น ครูพูดคุยถามเด็กเกี่ยวกับผลไม้ที่เด็กๆรู้จัก และให้ลองสังเกตผลไม้แต่ละชนิดว่ามีลักษณะอย่างไร ให้สังเกต รูปทรง กลิ่น สี ส่วนประกอบ และรสชาติ ของผลไม้ และสรุปโดยการให้เด็กๆช่วยกันตอบว่าผลไม้ 2 ชนิดมีลักษณะเป็นอย่างไรบ้าง
               อาจารย์แนะนำว่า การสอนต้องเป็นไปตามลำดับขั้นตอนเป็นแพทเทิล เช่น ครูให้เด็กสังเกตภายนอกก่อน รูปทรง สี ขนาด แล้วค่อยดูภายในคือส่วนประกอบ อาจจะผ่าให้ดูแล้วตัดเป็นชิ้นเล็กๆให้เด็กดมกลิ่น และชิมรส ขั้นสรุปครูควรเป็นผู้สรุปว่าผลไม้ทั้งสองชนิดมีอะไรที่แตกต่างกันบ้าง และลักษณะของผลไม้เป็นอย่างไร
หน่วย กล้วย

           สอนเรื่องชนิดของกล้วย ที่ยกมาวันนี้คือ กล้วย 2 ชนิด ได้แก่ กล้วยหอมทองและกล้วยน้ำว้า ขั้นนำโดยเพลงกล้วย ครูนำกล้วยชนิดที่ 1 ให้เด็กสังเกตดู แล้วถามเด็กว่ามีลักษณะอย่างไร แล้วครูเติมคำลงในช่องวิเคราะห์ข้อมูล ต่อมา ครูนำ กล้วยชนิดที่ 2 ขึ้นมาให้เด็กสังเกตดู แล้วถามเด็กๆว่ามีลักษณะอย่างไรพร้อมเติมคำลงในช่องวิเคราะห์ข้อมูล ขั้นสรุป ครูสรุปว่ากล้วยมีลักษณะ สี ขนาด รูปทรง รสชาติ กลิ่น ส่วนประกอบ เป็นอย่างไร
           ครูเสนอว่า ตารางวิเคราะห์ควรเรียงลำดับเป็นขั้นตอน คือสี  รูปทรง ส่วนประกอบ กลิ่น และรสชาติ แล้วค่อยพูดถึงเรื่องขนาดเมื่อนำกล้วยทั้งสองชูขึ้นมาให้เด็กดู เพื่อให้เด็กเปรียบเทียบเล็กกว่า ใหญ่กว่า เป็นต้น สอนจากง่ายไปยากเพราะเป็นวิธีการเรียนรู้ของเด็ก
          หลังจากทุกกลุ่มนำเสนอครบเรียบร้อยแล้วอาจารย์ให้นักศึกษาอธิบายหัวข้อต่อไป คือ วันพุธ หัวข้อ การดูแลรักษาของเล่นของใช้ วันพฤหัส หัวข้อ ประโยชน์
แผนเรื่อง การดูแลรักษา
ขั้นนำ 
เริ่มต้นด้วยแผ่นชาร์จเพลง  เก็บของ พูดคุยสนทนากับเด็ก  
ขั้นสอน  
ครูเตรียมอุปกรณ์ของเล่นของใช้วางคละกัน  ถามเด็กๆว่าจะมีวิธีเก็บรักษาของเล่นของใช้กันแบบไหนกันบ้าง จากนั้นก็จะแยกประเภทของเล่นของใช้  เช่น  ของใช้เป็นจาน  ช้อน  แก้ว  เราก็ต้องทำความสะอาดด้วยการล้างแล้วก็เอามาคว่ำให้แห้งแล้วถึงเก็บเอามาจัดวางให้เรียบร้อย  ส่วนของเล่นเราก็เอามาจัดวางให้เรียบร้อยเวลาที่เราเล่นเสร็จเราควรเอามาทำความสะอาดและเอามาผ้าเช็ดอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง
ขั้นสรุป  
ครูพูดสรุปวิธีการดูแลรักษาของเล่นของใช้ในวันนี้เราทำอะไรกันบ้าง  สรุปว่าความแตกต่างของใช้เราต้องทำความสะอาดทุกครั้งหลังใช้  ส่วนของเล่นเมื่อเราเล่นไปนานๆอาจจะสกปรกหรือมีฝุ่นเกาะเราอาจจะนำออกมาทำความสะอาดอาทิตย์ละครั้ง


ทักษะ
1. ทักษะการฟัง
2. ทักษะการสังเกต
3. ทักษะการคิดวิเคราะห์
4. ทักษะการรวบรวมข้อมูล
5. ทักษะในการเป็นผู้สอน (เป็นผู้สอนที่ดี)
6. ทักษะในการคิดต่อยอดองค์ความรู้

การนำไปประยุกต์ใช้
       ได้รับความรู้ในเรื่องของเนื้อหา หน่วยที่เราจะต้องใช้จัดประสบการณ์ให้แก่เด็ก ไม่ใช่เพียงรู้แต่หน่วยของกลุ่มตนเองเองเท่านั้น แต่ยังได้เรียนรู้หน่วยอื่นๆของเพื่อนที่นำมาเสนอ เพื่อเป็นแนวทางให้เรานำไปประยุกต์ทำแผนการสอนได้เมื่อเราจัดกิจกรรมในหน่วยนั้นๆ และวิธีการสอนต้องสอนเด็กจากสิ่งง่ายๆก่อน สิ่งไหนจุดใดที่เราสามารถเสริมประสบการณ์ให้กับเด็กได้เราก็ไม่ควรพลาดที่จะเติมเข้าไป เพราะจะทำให้เด็กได้เรียนรู้อย่างหลากหลาย และเป็นผลดีต่อตัวครูที่จะได้เรียนรู้ไปด้วย

เทคนิคการสอนของครู
1. ให้นักศึกษานำเสนอความรู้สู่เพื่อนๆ
2. จำลองสถานการณ์จริง
3. บรรยาย อธิบายวิธีการ เนื้อหาอย่างละเอียด
4. ให้เทคนิควิธีการใหม่ๆเพื่อให้นักศึกษานำไปใช้

ประเมินครูผู้สอน
           ครูละเอียดมากในวันนี้ เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่นักศึกษาต้องเรียนรู้ ครูอธิบาย ยกตัวอย่าง ให้ข้อเสนอแนะเพื่อให้นักศึกษานำไปปรับปรุงแก้ไข เสริมความรู้ใหม่ๆพร้อมทั้งสอดแทรกคุณธรรมจริยธรรมในเรื่องของการเป็นผู้ฟังที่ดีให้แก่นักศึกษาอยู่เสมอ


วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2559

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 11
วันพุธ ที่ 23 มีนาคม 2559

บรรยากาศการเรียน
        บรรยากาศในวันนี้ค่อนข้างเย็นสบายและเป็นครั้งแรกที่ย้ายมาเรียนตึกใหม่ ห้องกว้างมากสำหรับนักศึกษาเพียง 20 คน แต่อาจารย์ก็สอนตามปกติ ใช้เสียงในระดับปกติ การเรียนเต็มไปด้วยความสนุกสนานมีการพูดคุยสนทนาโต้ตอบกันตลอดการเรียนการสอน

สาระ
1.การนำเสนอ
บทความ เรื่อง คณิตศาสตร์กับชีวิต (นางสาวชื่นนภา เพิ่มพูล)
               “จุดมุ่งหมายของการศึกษาในอดีตจะเห็นได้ว่าการจัดการเรียนการสอนในช่วงต้นรัตนโกสินทร์คือระหว่างปี พ.ศ. 2325-2426 นั้นประเทศไทยยังไม่มีโรงเรียน แต่มีการเรียนกันที่วัดหรือที่บ้าน ความมุ่งหมายในสมัยนั้นคือ การให้สามารถ อ่าน เขียนภาษาไทย และคิดเลขได้ นอกจากนั้นอาจมีการเรียนช่างฝีมือกันที่บ้าน...” (ทิศนา แขมณี: ศาสตร์การสอน; 29)
                จากข้อความข้างต้นจะเห็นว่าความสำคัญของคณิตศาสตร์นั้นมีมาตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ และถ้าจะค้นหาลึกลงไปนั้นในสมัยโบราณก็คงจะมีการใช้คณิตศาสตร์ในชีวิตประจำวัน ในสังคมให้ความสำคัญกับการคำนวณ การเปรียบเทียบด้วยตัวเลข เปรียบเสมือนกับเป็นสิ่งที่ควบคู่ไปกับวิถีชีวิตของบุคคลต่างๆในสังคม ไม่ว่าจะอยู่ในระดับใดของสังคม หรือต่างชนชาติกันก็ตาม คณิตศาสตร์ก็ยังเป็นสิ่งที่จำเป็น และเป็นสากล ได้แก่การบวก ลบ คูณ หาร และในความเชื่อที่ว่าคณิตศาสตร์เป็นกระบวนการแก้ปัญหาที่มีรูปแบบและขั้นตอนมาตรฐาน ดังนี้คือ 
(1)หาสิ่งที่ต้องการทราบ
(2)ว่างแผนการแก้ปัญหา 
(3)ค้นหาคำตอบ 
(4)ตรวจสอบ
               จากขั้นตอนทางคณิตศาสตร์นี้เป็นกระบวนการแก้ปัญหาที่ทำให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ที่เป็นระบบ เพื่อให้เกิดลำดับขั้นตอนในการแก้ไขสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น เปรียบเสมือนการแก้ปัญหาสิ่งๆหนึ่งโดยใช้กระบวนการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์เพื่อหาข้อค้นพบและสามารถตรวจสอบข้อมูลต่างๆได้อย่างมีระบบ ระเบียบ
                จะเห็นได้ว่าความสำคัญของคณิตศาสตร์นั้นมีความสำคัญกับชีวิตประจำวันเพื่อการดำเนินกิจกรรมต่างๆที่เกิดขึ้นเพื่อพัฒนาบุคคลในสังคมให้เกิดการแก้ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ การขาย การคำนวณสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งคณิตศาสตร์เป็นพื้นฐานในการหาข้อสรุปเพื่อให้เกิดชิ้นงานต่างๆที่เกิดขึ้นเพื่อสนองตอบต่อสิ่งที่บุคลต้องการให้เป็นไม่ว่าจะเป็นสิ่งก่อสร้าง สิ่งอำนวยความสะดวกสบายที่เกิดขึ้นจากข้อความข้างต้นจะเสนอความสอดคล้องของคณิตศาสตร์กับชีวิตประจำวันได้อย่างไรดังตัวอย่างดังต่อไปนี้
                การซื้อขายของ เป็นการใช้หลักคณิตศาสตร์พื้นฐานได้แก่ การคำนวณในเรื่องของต้นทุน และการได้กำไร การกำหนดราคาเพื่อการตีค่าของราคาที่จะขายเพื่อให้เกิดกำไร ซึ่งเกี่ยวข้องหลักเศรษฐศาสตร์เบื้องต้นในการดำเนินการซื้อขาย  นอกจากนนี้ยังมีการทำบัญชีรายรับรายจ่าย ซึ่งก็ไม่พ้นในเรื่องของการใช้หลักคณิตศาสตร์ในการควบคุมการทำงาน
                การสร้างที่อยู่อาศัย เป็นการคำนวณอัตราส่วนของพื้นที่ในการการปลูกสิ่งปลูกสร้าง ในที่นี้ขอยกตังอย่างการสร้างที่อยู่อาศัย เริ่มตั้งแต่การคำนวณหาพื้นที่ในการสร้าง โดยหลักการวัดพื้นที่ (กว้าง x ยาว) จากนั้นต้องมี่การคำนวณโครงสร้างของสิ่งปลูกสร้างต่างๆได้แก่ ปูน หิน ทราย ไม้กระเบื้องและอื่นๆที่เป็นสวนประกอบของการสร้างที่อยู่อาศัย โดยการผสมปูน ได้แก่การคำนวณอัตราส่วนของส่วนผสมในการสร้างบ้าน ซึ่งแตกต่างกันในการใช้งานเช่น พื้นปูนอาจมีการผสมให้มีความหยาบเพื่อใช้เป็นฐานของโครงบ้าน การฉาบอิฐจะต้องมีการละเอียดของปูนเพื่อให้เกิดการยึดแน่นของอิฐกับปูนเพื่อให้เกิดความแข็งแรงและสวยงาม เป็นต้น
                การเงินการธนาคาร เป็นการออมทรัพย์เพื่อให้เกิดความความมั่นของชีวิต มีการคำนวณดอกเบี้ย ผลกำไร การปันผล การแลกเปลี่ยนเงินตราเพื่อให้ได้ผลประโยชน์ทางการเงิน โดยมีวิธีจูงใจผู้ฝากในรูปแบบต่างๆเช่น การออมทรัพย์ กระแสรายวัน ฝากประจำ ซึ่งมีการให้ดอกเบี้ยแตกต่างกันไป ขึ้นกับแต่ละธนาคารว่าจะให้ผลประโยชน์กับผู้ฝากอย่างไรและผู้ฝากเป็นผู้ตัดสินใจในการใช้บริการทางการเงินกับธนาคารใด
                ทางการศึกษา เป็นการคำนวณหาค่าต่างๆทีเกี่ยวข้องกับการให้คะแนน วิจัย การทดลองโดยใช้ค่าทางสถิติเพื่อให้เกิดข้อค้นพบต่างๆในเชิงปริมาณเพื่อหาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น

บทความ เรื่อง การเรียนรู้ทักษะคณิตศาสตร์ (นางสาวสุดารัตน์ อาจจุฬา)
คณิตศาสตร์มีอยู่ทุกหนทุกแห่งรอบตัวเรา ในแต่ละวันเด็ก ๆ มีโอกาสที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับ ตัวเลข จำนวน รูปทรงเรขาคณิต การจับคู่ การแยกประเภท ฯลฯ เช่น 
- การตื่นนอน (เรื่องของเวลา)
- การแต่งกาย (การจับคู่เสื่อผ้า) 
- การรับประทานอาหาร (การคาดคะเนปริมาณ) 
- การเดินทาง(เวลา ตัว เลขที่สัญญาณไฟ ทิศทาง) 
- การซื้อของ (เงิน การนับ การคำนวณ) ฯลฯ 

             เชื่อหรือยังคะว่าคณิตศาสตร์มี อยู่จริงในชีวิตประจำวัน   กิจกรรมใด ๆ ที่เปิดโอกาสให้มีการวางแผน การจัดแบ่งหมวดหมู่ จับคู่ เปรียบเทียบ หรือ   เรียงลำดับ ล้วนมีคุณค่าทั้งสิ้น   การจัดประสบการณ์คณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย หมายถึง การจัด กิจกรรมต่างๆที่เปิดโอกาส ให้ได้เด็กได้กระทำด้วยตนเอง ผ่านการเล่น การได้สัมผัส ได้กระทำ จากการมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนและ   ผู้ใหญ่ เรียนรู้จากรูปธรรมไปสู่นามธรรม เรียนรู้จากสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวไปสู่สิ่งที่อยู่ไกลตัวการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์ตามหลักสูตร  การจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์ตามหลักสูตร ควรเน้นให้เด็กเกิดความคิดรวบยอด และทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ 4 ด้าน ดังนี้
1.การสังเกตการจำแนกและการเปรียบเทียบ
    1.1 การจำแนกความเหมือนความแตกต่าง
    1.2 การจัดหมวดหมู่
    1.3 การเรียงลำดับสิ่งต่างๆ
2.ทางด้านตัวเลข และจำนวน
    2.1 การนับจำนวน
    2.2 การรู้ค่าของจำนวน
    2.3 การดำเนินการเกี่ยวกับจำนวน
3.ทางด้านมิติสัมพันธ์
    3.1 เข้าใจตำแหน่ง
    3.2 เข้าใจระยะ
    3.3 การเข้าใจทิศทาง
    3.4 การต่อชิ้นส่วนภาพ
4.ทักษะทางด้านเวลา
    4.1 การเปรียบเทียบในเรื่องเวลา
    4.2 การเรียงลำดับเหตุการณ์
    4.3 ฤดูกาล
          *อาจารย์เสริมว่าบทความของเพื่อนนี่มีความเกี่ยวข้องกับทักษะทางคณิตศาสตร์ทั้ง 7 ทักษะ คือ
1. ทักษะการสังเกต (Observation) คือการใช้ประสาทสัมผัสในการเรียนรู้ โดยเข้าไปมีปฏิสัมพันธ์โดยตรงกับวัตถุสิ่งของหรือเหตุการณ์อย่างมีจุประสงค์ เช่น การจะหาข้อมูลที่เป็นรายละเอียดของสิ่งนั้น ๆ โดยไม่ใส่ความคิดเห็นของตนเองลงไป               
2. ทักษะการจำแนกประเภท (Classifying) คือ ความสามารถในการแบ่งประเภทของสิ่งของ โดยหาเกณฑ์หรือสร้างเกณฑ์ในการแบ่งขึ้น  ส่วนใหญ่เด็กจะใช้เกณฑ์ในการจำแนกอยู่ 3 อย่าง คือ ความเหมือน ความแตกต่าง และความสัมพันธ์ร่วม ซึ่งแล้วแต่เด็กจะเลือกใช้(ดังนั้นครุควรถามเมื่อจัดกิจกรรมทั้งนี้เพื่อให้ประเมินเด็กได้อย่างถูกต้อง) ซึ่งเด็กปฐมวัยส่วนใหญ่จะเลือกใช้เกณฑ์ 2 อย่าง คือ ความเหมือน และความต่าง เมื่อเด็กสามารถสร้างความเข้าใจได้อย่างถ่องแท้เกี่ยวกับความสัมพันธ์แล้วเด็กจึงจะจำแนกโดยใช้ความสัมพันธ์ร่วมได้               
3. ทักษะการเปรียบเทียบ (Comparing) คือ การที่เด็กต้องอาศัยความสัมพันธ์ของวัตถุสิ่งของหรือเหตุการณ์ ตั้งแต่สองสิ่งขึ้นไป บนพื้นฐานของคุณสมบัติที่มีลักษณะเฉพาะอย่าง เช่น เด็กสามารถบอกได้ว่าลูกบอลลูกหนึ่งมีขนาดเล็กกว่าลูกอีกลูกหนึ่ง นั่นแสดงให้เห็นว่า เด็กเห็นความสัมพันธ์ของลูกบอล คือ เล็ก - ใหญ่ ความสำคัญในการเปรียบเทียบ คือ เด็กจะต้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับลักษณะเฉพาะของสิ่งนั้น ๆ และรู้จักคำศัพท์คณิตศาสตร์  การเปรียบเทียบนับว่าเป็นพื้นฐานสำคัญต่อการเรียนในเรื่องการวัดและการจัดลำดับ               
4. ทักษะการจัดลำดับ (Ordering) คือ การส่งเสริมให้เด็กได้พัฒนาความคิดรวบยอดเกี่ยวกับการจัดลำดับวัตถุสิ่งของหรือเหตุการณ์ ซึ่งเป็นทักษะการเปรียบขั้นสูง เพราะจะต้องอาศัยการเปรียบเทียบสิ่งของมากกว่าสองสิ่งหรือสองกลุ่ม การจัดลำดับในครั้งแรก ๆ ของเด็กปฐมวัยจะเป็นไปในลักษณะการจัดกระทำกับสิ่งของสองสิ่ง เมื่อเกิดการพัฒนาจนเกิความเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วเด็กจึงจะสามารถจัดลำดับที่ยากยิ่งขึ้นได้               
5. ทักษะการวัด (Measurement) เมื่อเด็กมีประสบการณ์เกี่ยวกับการจัดประเภท การเปรียบเทียบ และการจัดลำดับมาแล้ว เด็กจะพัฒนาความสามารถเข้าสู่เรื่องการวัดได้ ความสามารถในการวัดของเด็ก จะมีความสัมพันธ์กับความสามารถใสนการอนุรักษ์(ความคงที่) เช่น เด็กสามารถเข้าใจเกี่ยวกับความยาวของเชือกได้ว่า เชือกจะมีความยาวเท่าเดิมถึงแม้ว่าจะเปลี่ยนทิศทางหรือตำแหน่งก็ตาม               
6. ทักษะการนับ (Counting) แนวคิดเกี่ยวกับการนับจำนวน ได้แก่ การนับปากเปล่า บอกขนาดของกลุ่มที่มีขนาดเท่ากันโดยไม่ต้องนับ  นับโดยใช้ลำดับที่นับจำนวนเพิ่มขึ้น  นับเพื่อรู้จำนวนที่มีอยู่ การจดตัวเลข  การนับและเข้าใจความหมายของจำนวน  การใช้สัญลักษณ์แทนจำนวน ในเด็กปฐมวัยชอบการนับแบบท่องจำโดยไม่เข้าใจความหมาย การนับแบบท่องจำนี้จะมีความหมายต่อเมื่อเชื่อมโยงกับจุดประสงค์บางอย่าง เช่น การนับจำนวนเพื่อนในห้องเรียน นับขนมที่อยู่ในมือ แต่การนับของเด็กอาจสับสนได้หากมีการจัดเรียงสิ่งของเสียใหม่ เมื่อเด็กเข้าใจเรื่องการอนุรักษ์(จำนวน)แล้วเด็กปฐมวัยจึงจะสามารถเข้าใจเรื่องการนับจำนวนอย่างมีความหมาย               
7. ทักษะเกี่ยวกับเรื่องรูปทรงและขนาด (Sharp and Size) เรื่องขนาดและรูปทรงจะเกิดขึ้นกับเด็กโดยง่าย ทั้งนี้เนื่องจากเด็กคุ้นเคยจากการเล่น การจับต้องสิ่งของ ของเล่น หรือวัตถุรูปทรงต่าง ๆ อยู่เสมอในแต่ละวัน  เราจึงมักจะได้ยินเด็กพูดถึงสิ่งต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับรูปทรงหรือขนาดอยู่เสมอ  ครูสามารถทดสอบว่าเด็กรู้จักรูปทรงหรือไม่ได้โดยการให้เด็กหยิบ/เลือก สิ่งของตามคำบอก เมื่อเด็กรูปจักรูปทรงพื้นฐานแล้วครูสามารถสอนให้เด็กรู้จักรูปทรงที่ยากขึ้นได้
ทักษะพื้นฐานในการคิดคำนวณ สำหรับเด็กปฐมวัยอาจแบ่งได้ 3 ทักษะ 
1. ทักษะในการจัดหมู่
2. ทักษะในการรวมหมู่(การเพิ่ม)
3. ทักษะในการแยกหมู่(การลด)

2.กิจกรรมสรุปองค์ความรู้

  

     วันนี้อาจารย์ได้ให้นักศึกษาแต่ละกลุ่มนำโครงร่างของหัวข้อ mind map ที่เราเขียนร่างไว้ออกมานำเสนอ ซึ่ง จะมี 5 หัวเรื่อง 5 วัน แบ่งเป็นวันจันทร์หัวเรื่องที่ 1 วันอังคารหัวเรื่องที่ 2 วันพุธหัวเรื่องที่ 3 วันพฤหัสบดีหัวเรื่องที่ 4 และวันศุกร์หัวเรื่องที่ 5 
โดยอาจารย์ให้นักศึกษานั่งกันเป็นกลุ่มนั่งเรียงตามวันที่แต่ละคนไปร่างแผนมา และอาจารย์ถามแต่ละกลุ่มว่าวันจันทร์ หัวข้ออะไรและจัดกิจกรรมอะไร กลุ่มของดิฉันคือหน่วยของเล่นของใช้
1.ประเภท - ของเล่น ของใช้
2.ลักษณะ - สี พื้นผิว ขนาด รูปร่างรูปทรง
3.การเก็บรักษา - เก็บให้เข้าที่ ทำความสะอาด รักษาและซ่อมแซม แยกประเภท
4.ประโยชน์ - ใช้ในการดำเนินชีวิต ส่งเสริมพัฒนาการ
5.ข้อควรระวัง - ของอาจแตกหักได้
    สำหรับวันจันทร์กลุ่มของดิฉันใช้กิจกรรมแยกประเภท คือ ให้เด็กสามารถแยกของเล่นของใช้ได้ อาจารย์ให้คำเสนอแนะว่าเราต้องมีการบูรณาการคณิตศาสตร์เข้าไปร่วมด้วย

กิจกรรม แยกของเล่นของใช้ (วันจันทร์ ประเภท)
ขั้นนำ 
1. นำเด็กเข้าสู่กิจกรรมด้วยเพลง ของเล่นของใช้
ขั้นสอน
2. ครูถามเด็กว่า เด็กๆรู้จักของเล่นของใช้อะไรในเพลงบ้าง และนอกจากเพลงนี้เด็กๆรู้ไหมว่ามีของเล่นของใช้อะไรบ้าง (ให้เด็กๆตอบประสบการณ์เดิม)
3. ครูนำสื่อของจริง ของเล่นของใช้มาให้เด็กดูทีละอย่างและอธิบายว่ามันคืออะไร
4. ครูแจกของเล่นของใช้ให้เด็กคนละ 1 ชิ้น โดยให้เด็กนับไปด้วยเมื่อครูแจกคนที่ 1 ให้เด็กๆนับหนึ่ง เมื่อครูแจกคนที่สองให้เด็กๆนับสอง ไปจนถึงคนสุดท้าย แล้วครูสรุปว่าของเล่นของใช้มีทั้งหมด 15 ชิ้น
5. ครูให้เด็กสำรวจของเล่นของใช้ที่ตนเองได้ และให้เด็กๆแยกประเภทว่าของทีตนเองได้เป็นของเล่นหรือของใช้ แล้วให้เด็กนำมาวางไว้ที่ตะกร้าหน้าห้องให้ถูกต้อง 
ขั้นสรุป
6. เด็กออกมานำเสนอหน้าชั้นเรียนว่าของเล่นของใช้ของตนเองคืออะไร เป็นแบบไหน

กิจกรรม จำแนกแสนสนุก (วันอังคาร ลักษณะ)
ขั้นนำ
1. ครูนำเด็กเข้าสู่กิจกรรมด้วย ภาพตัดต่อ ให้เด็กๆลองทายว่าคืออะไร
ขั้นสอน
2. ครูอธิบายอุปกรณ์องเล่นของใช้แต่ละชิ้นว่ามีลักษณะอย่างไร เช่น แก้วน้ำ เป็นรูปทรงกระบอก พื้นผิวเรียบ ตุ๊กตา  ขนาดเล็ก พื้นผิวนิ่ม เป็นต้น
3. ครูให้เด็กสังเกตของเล่นของใช้แต่ละชิ้นโดยใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5
4. ครูอธิบายวิธีการทำกิจกรรม โดยให้เด็กจำแนกของเล่นของใช้ที่มีลักษณะเหมือนกัน เช่น สี พื้นผิว ขนาด รูปร่างรูปทรง เหมือนกันไว้ด้วยกันให้ถูกต้อง
ขั้นสรุป
5. ครูและเด็กตรวจสอบร่วมกันว่าจำแนกได้ถูกต้องหรือไม่ แล้วนับของแต่ละชิ้น 
6. ครูพูดสรุปเกี่ยวกับลักษณะของเล่นของใช้

    แต่ละหน่วยที่เรานำมาจัดกิจกรรมนั้นสามารถบูรณาการเข้ากับคณิตศาสตร์ได้หากเรารู้จักวิธีการใช้ และแต่ละหน่วยจะมีลักษะที่แตกต่างกัน เช่น หน่วยกล้วย หน่วยผลไม้ หน่วยยานพาหนะ ทำให้เราสามารถเสริมประสบการณ์ให้เด็กได้อย่างหลากหลายวิธี เพราะเด็กต้องคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลและวิธีการเรียนรู้ ดังนั้นครูจำเป็นจะต้องมีเทคนิคที่หลากหลายเพื่อนำมาใช้กับเด็ก
    เมื่ออาจารย์สรุปแนะนำวิธีการทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว อาจารย์จึงให้นักศึกษาลองนำไปใช้เพื่อเขียนแผนสำหรับนำไปจัดประสบการณ์ให้แก่เด็ก

ทักษะ
1.ทักษะการสังเกต
2.ทักษะการนำเสนอผลงาน
3.ทักษะการตอบคำถามอาจารย์
4.ทักษะการนำไปปรับใช้
5.ทักษะการใช้เทคโนโลยี
6.ทักษะการคิดวิเคราะห์
7.ทักษะการเขียนแผน
8.ทักษะการเชื่อมโยง

การนำไปประยุกต์ใช้
- มีแนวทางการจัดกิจกรรมโดยบูรณาการคณิตศาสตร์เข้าร่วม จัดประสบการณ์ให้กับเด็กอย่างหลากหลาย
- มีข้อมูลที่ถูกต้องไปปรับใช้ในผลงานได้มากขึ้น สามารถเขียนแผนได้บูรณาการให้เข้ากับวิชาอื่นๆได้

เทคนิคการสอนของครู

1. ให้นักศึกษานำเสนอความรู้สู่เพื่อนๆ
2. บรรยายเนื้อหาการเรียนครบถ้วนและเข้าใจ  
3. เปิดโอกาศให้นักศึกษาแสดงความคิดเห็น

ประเมินครูผู้สอน

             อาจารย์มีความตั้งใจในการสอน สรุปความรู้ประเด็นสำคัญให้นักศึกษานำไปใช้ กระตุ้นให้นักศึกษารู้จักเรียนรู้ในสิ่งที่เป็นประโยชน์ คอยให้คำแนะนำสอดเเทรกความรู้เพิ่มเติมให้นักศึกษาอยู่เสมอให้คำแนะนำและวิธีการจัดประสบการณ์การสอนอย่างละเอียดชัดเจน




วันพฤหัสบดีที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2559

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 10
วันพุธ ที่ 16 มีนาคม 2559


บรรยากาศการเรียน
      วันนี้เป็นวันที่ดูค่อนข้างวุ่นวายเนื่องจากตึกคณะศึกษาศาสตร์ที่เรียนอยู่ตามปกติถูกทุบเพื่อสร้างใหม่ อาจารย์ยังคงเก็บของและเอกสารยังเคลื่อนย้ายไม่เรียบร้อยและห้องที่ต้องไปเรียนชั่วคราวก็อยู่ไกลจากตึกคณะมากทำให้วันนี้อาจารย์ต้องขอให้นักศึกษาย้ายกลับมาเรียนตึกเดิมไปก่อน ซึ่งก็มีเวลาเรียนเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงเนื่องจากอาจารย์มีการไปทำกิจกรรมร่วมกับบุคลากรทางการศึกษา บรรยากาศในวันนี้จึงไม่ค่อยสะดวกสบายเท่าที่ควร

สาระ
      นำเสนอ mind map ของแต่ละกลุ่มที่อาจารย์สั่งไว้เมื่ออาทิตยที่แล้วและมาร่วมกันอภิปรายแต่ละหัวข้อ อาจารย์ให้คำแนะนำเมื่อมีข้อผิดพลาดและนำกลับไปแก้ไข สอดแทรกเนื้อหาเพิ่มเติมที่สามารถใส่เข้าไปได้เพื่อความสมบูรณ์ เพื่อจะนำไปเขียนแผน 5 แผน คือ หัวข้อที่ 1 วันจันทร์ หัวข้อที่ 2 วันอังคาร เป็นต้น


หน่วย ผลไม้
หน่วย ยานพาหนะ
หน่วย ของเล่นของใช้
หน่วย กล้วยกล้วย
ทักษะ
1.ทักษะองค์ประกอบความรู้
2.ทักษะการนำเสนอผลงาน
3.ทักษะการตอบคำถามอาจารย์
4.ทักษะการนำไปปรับใช้
5.ทักษะการใช้เทคโนโลยี
6.ทักษะการคิดวิเคราะห์

การนำไปประยุกต์ใช้
- มีแนวทางกระบวนการคิดองค์ประกอบแต่ละหน่วยที่เราจะศึกษาและนำไปใช้จัดกิจกิจกรรมกับเด็กได้อย่างถูกต้อง
-  มีข้อมูลที่ถูกต้องไปปรับใช้ในผลงานได้มากขึ้น


เทคนิคการสอนของครู  
1. สอนโดยให้เหตุผลสอดคล้องกัน  โดยอาจารย์จะสอดแทรกเรื่องคุณธรรมไปด้วย  
2. บรรยายเนื้อหาการเรียนครบถ้วนและเข้าใจ  
3. เปิดโอกาศให้นักศึกษาแสดงความคิดเห็น


ประเมินครูผู้สอน

             อาจารย์มีความตั้งใจในการสอน สรุปความรู้ประเด็นสำคัญให้นักศึกษานำไปใช้ กระตุ้นให้นักศึกษารู้จักเรียนรู้ในสิ่งที่เป็นประโยชน์ คอยให้คำแนะนำสอดเเทรกความรู้เพิ่มเติมให้นักศึกษาอยู่เสมอ


วันพุธที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2559

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 9
วันพุธ ที่ 9 มีนาคม 2559
บรรยากาศการเรียน
      วันนี้อาจารย์เข้าสอนช้ากว่าเวลาเล็กน้อยเนื่องจากต้องเคลียร์งานให้เสร็จ นักศึกษาทุกคนเข้าเรียนตรงเวลาและนั่งรออาจารย์อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยลงไปเตรียมอุปกรณ์ที่อาจารย์จัดไว้ให้ บรรยากาศในการเรียนสนุกสนานมีการเสนอไอเดียแลกเปลี่ยนกันในขณะเรียน

สาระ
1. กิจกรรมสรุปองค์ความรู้
         เป็นการสรุปความรู้ในวันที่ไปศึกษาดูงานที่โรงเรียนอนุบาลพิบูลเวศม์เกี่ยวกับเรื่องคณิตศาสตร์ คือ สื่อ สภาพแวดล้อม และการจัดการเรียนการสอน ที่มีคณิตศาสตร์เกี่ยวข้อง
สื่อ : ลูกคิด นาฬิกาทราย เครื่องชั่งน้ำหนัก บล็อกรูปทรง บล็อกตัวเลข นาฬิกาของเล่น
การจัดสภาพแวดล้อม : ในโรงเรียนจะมีการเรียนแบบโครงการ Project approach ส่วนที่เป็นการระดมความคิดของเด็กในการเลือกเรื่องที่จะเรียนก็มีความเกี่ยวข้องกับคณิตศาสตร์จัดตั้งไว้ในห้องเรียน มีที่วัดส่วนสูง และปฎิทินและนาฬิกา ตารางการมาเรียนของเด็ก เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้เรื่องวันที่และเวลา โดยเป็นสิ่งที่อยู่รอบตัวเด็ก
การจัดกิจกรรม : กิจกรรมศิลปะ มีการให้เด็กระบายสีเกี่ยวกับรูปทรงทางคณิตศาสตร์
                         กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ มีเรื่องของพีชคณิต ความสัมพันธ์แบบชุด เช่น แตะไหล่ แตะหัว กางแขน แตะไหล่ แตะหัว กางแขน เเบบชุดเดิมไปเรื่อยๆ
                         กิจกรรมเสริมประสบการณ์ โครงการก้อนหิน  มีการ ชั่ง วัด นับจำนวน เปรียบเทียบ ขนาดของก้อนหินแต่ละก้อน โดยการใช้สายวัดหรือเชือก แล้วนำมาวางเทียบกัน หากเส้นใดที่มีเหลือแสดงว่าหินก้อนนั้นใหญ่กว่า มีการแยกจัดหมวดหมู่ชนิดของหิน 

2. นำเสนอ
วีดีโอโทรทัศน์ครู เรื่อง การศึกษาทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตรของเด็กปฐมวัยที่ไดรับการจัดกิจกรรมพิมพภาพจากการแปรสภาพวัสดุธรรมชาติ
หลักการสอนคณิตศาสตรไวดังนี้ 
1. สอนใหสอดคลองกับชีวิตประจําวันการเรียนรูของเด็กจะเกิดขึ้นเมื่อเด็กมองเห็น ความจําเปน และประโยชนของสิ่งที่ครูกําลังสอนดังนั้น การสอนคณิตศาสตรแกเด็กจะตอง สอดคลองกับกิจกรรมในชีวิตประจําวัน เพื่อใหเด็กตระหนักถึงเรื่องคณิตศาสตรทีละนอย และ ชวยใหเด็กเขาใจเกี่ยวกับคณิตศาสตรในขั้นตอไปแตสิ่งที่สําคัญที่สุดคือ การใหเด็กไดปฏิสัมพันธ กับเพื่อนกับครูลงมือปฏิบัติดวยตนเอง 
2. มีเปาหมายและมีการวางแผนที่ดีครูจะตองมีการเตรียมการเพื่อใหเด็กไดคอย ๆ พัฒนาการเรียนรูขึ้นเองและเปนไปตามแนวทางที่ครูวางไว 
3. เปดโอกาสใหเด็กไดรับประสบการณที่ทําใหพบคําตอบดวยตนเอง เปดโอกาส ใหเด็กไดรับประสบการณที่หลากหลาย และเปนไปตามสภาพแวดลอมที่เหมาะสม มีโอกาสไดลง มือปฏิบัติจริง ซึ่งเปนการสนับสนุนใหเด็กไดคนพบคําตอบดวยตนเอง พัฒนาความคิดรวบยอด และความคิดรวบยอดไดเองในที่สุด
4. เอาใจใสเรื่องการเรียนรูและลําดับขั้นการพัฒนาความคิดรวบยอดของเด็ก ครู ตองมีการเอาใจใสเรื่องการเรียนรูเกี่ยวกับคณิตศาสตร โดยเฉพาะลําดับขั้น การพัฒนาความคิดรวบ ยอด ทักษะทางคณิตศาสตรโดยคํานึงถึงหลักทฤษฎี 
5. ใชวีการจดบันทึกพฤติกรรม เพื่อใชในการวางแผนและจัดกิจกรรม การจด บันทึกดานทัศนคติ ทักษะ และความรูความเขาใจของเด็ก ในขณะทํากิจกรรมตาง ๆ เปนวิธีการที่ทํา ใหครูวางแผนและจัดกิจกรรมไดเหมาะสมกับเด็ก
บทบาทของครูในการจัดประสบการณดานคณิตศาสตร  กลาววา การจัดประสบการณและกิจกรรมทางดาน คณิตศาสตรที่เหมาะสมสําหรับเด็กปฐมวัย ตองมีกระบวนการและขั้นตอนที่ครูและผูเกี่ยวของ 43 ตองศึกษาและทําความเขาใจเพื่อจะไดดําเนินการไดอยางถูกตองและเปนประโยชนตอการเรียนรู ของเด็กปฐมวัยมากที่สุด ซึ่งมีนักการศึกษาไดเสนอแนะบทบาทของครูในการจัดกิจกรรม 
คณิตศาสตรสําหรับเด็กปฐมวัย สรุปถึงบทบาทของครูวา การจัดการเรียนการสอนของครูที่มีคุณภาพ ควรจะเปนปจจุบันกับเหตุการณและไมเปนทางการ แตไมไดหมายความวาจะมีการวางแผนหรือไมมีระบบบทบาทของครูในการจัดประสบการณ ดานคณิตศาสตรสําหรับเด็กปฐมวัย ครูจะตองมีความรับผิดชอบสูงมีการวางแผนการจัดสิ่งแวดลอม แหงการเรียนรูใหกับเด็กซึ่งจะทําใหเด็กแสวงหาคําตอบ การจัดกิจกรรมเหลานี้เปนการวางพื้นฐาน ความคิดรวบยอดคณิตศาสตรสําหรับเด็กปฐมวัย 


วิดีโอโทรทัศน์ครู เรื่องไข่ดีมีประโยชน์
        โดยคุณครูรจนา สังวรสินธุ์ โรงเรียนวัดไทรใหญ่ จังหวัดนนทบุรี ได้สอนกิจกรรมเสริมประสบการณ์เรื่องไข่ดีมีประโยชน์ทำให้เด็กได้สามารถเรียนรู้เนื้อหาเกี่ยวกับไข่ ชนิดของไข่ส่วนประกอบของไข่ ประโยชน์ของไข่ว่าทำให้ร่างกายแข็งแรงแล้วก็อยากให้เด็กอยากหรือชอบที่จะรับประทานไข่ แล้วก็เด็กยังสามารถนำไข่มาประกอบอาหารได้

กิจกรรมที่ 1 คือให้เด็กเล่นเกมส่งไข่เป็ดโดยเด็กจะมีประสบการณ์เดิมแล้วว่าไข่เป็นสิ่งที่แตกได้ง่ายกิจกรรมนี้จะเป็นการฝึกสมาธิให้เด็กได้คิดว่าจะทำอย่างไรส่งไข่ให้เพื่อนแล้วไข่ไม่แตกเวลาส่งไข่ให้เพื่อนตาต้องมองไปที่เพื่อนตากับมือต้องสัมพันธ์กันทำให้เพื่อนสามารถรับไข่ได้ไข่ก็จะไม่ตกลงพื้น

กิจกรรมที่ 2 ครูเล่านิทานเรื่องไข่ของใครโดยนิทานเรื่องนี้เด็กจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับสีและได้รู้จักสัตว์เพิ่มมากขึ้นได้รู้ว่าสัตว์อะไรที่ออกลูกเป็นไข่บ้างในขณะเล่านิทานเด็กจะมีส่วนร่วมในการตอบคำถามของครูซึ่งการมีส่วนร่วมทำให้เด็กกล้าแสดงออกแล้วทำให้เด็กมีประสบการณ์มากขึ้นเกี่ยวกับเนื้อหาในนิทานครูนำนิทานที่เป็นสัตว์ของจริงมาให้เด็กดูเพราะจากในนิทานกับรูปภาพของจริงนั้นแตกต่างกันให้เด็กมีประสบการณ์จริงๆว่าสัตว์ที่ออกลูกเป็นไข่มีรูปร่างลักษณะเป็นอย่างไรเด็กจะเห็นภาพชัดเจนเป็นรูปธรรมและเข้าใจได้ง่าย

กิจกรรมที่ 3 ให้เด็กได้เรียนรู้เกี่ยวกับไข่ให้เด็กได้ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการสังเกต จำแนก เปรียบเทียบดูว่าไข่แต่ละชนิทมีลักษณะอย่างไรแตกต่างกันอย่างไรซึ่งเด็กให้เด็กช่วยกันแยกไข่จากตะกร้าใบใหญ่มาใส่ตะกร้าใบเล็กๆที่ครูแบ่งไว้ทั้งหมดห้าตระกล้าเล็กๆ นอกจากกระบวนการทางวิทยาศาสตร์แล้วไข่ยังบูรณาการเข้ากับคณิตศาสตร์ได้อีกด้วยโดยเด็กได้เรียนรู้ในเรื่องของจำนวนตัวเลขได้มีการนับเปรียบเทียบมากน้อยจำนวนเท่ากันไม่เท่ากัน โดยครูให้เด็กช่วยนับไข่ในตระกล้าที่เด็กช่วยกันแยกว่าแต่ละตะกร้ามีใครกี่ฟองครูถามเด็กว่าไข่ตะกร้าไหนเยอะที่สุดเด็กตอบว่าไข่นกกระทาเพราะมี 10 ฟอง ครูถามว่าใครในตะกร้าไหนน้อยที่สุดนั้นก็คือไข่เป็ดเพราะมีอยู่ 2ฟอง ละครูก็ถามว่าตะกร้าไหนมีจำนวนไข่ที่เท่ากันเด็กก็ตอบว่าไข่เค็มกับไข่เยี่ยวม้าที่มีจำนวนไข่ที่เท่ากันครูจึงพิสูจน์โดยการนำไข่มานับกันเป็นคู่หนึ่งต่อหนึ่งผลพิสูจน์คือไข่ทั้งสองมีจำนวนที่เท่ากัน หลังจากที่เด็กได้รู้ส่วนนอกของไข่เเล้วเด็กก็จะได้เรียนรู้ส่วนประกอบของไข่ว่าไข่แต่ละชนิดมีส่วนประกอบที่แตกต่างกันอย่างไรเช่นไข่ขาวของไข่เยี่ยวม้าจะมีเนื้อสีนำ้ตาลดำส่วนไข่เค็มเนื้อไข่ขาวของไข่เค็มจะมีสีขาวเด็กจะได้รู้ความแตกต่างระหว่างไข่เค็มกับไข่เยี่ยวม้า ไข่เป็ดกับไข่ไก่อาจจะมีลักษณะใกล้เคียงกันครูควรพยายามชี้แหนะให้เด็กเห็นถึงความแตกต่างระหว่างไข่เป็ดกับไข่ไก่โดยอาจจะมีคำถามว่าลักษณะของไข่แดงของไข่เป็ดเเละไข่ไก่เป็นอย่างไรสีเหมือนกันไหมแล้วตอกไข่ให้เด็กดูเด็กก็จะสามารถตอบได้ว่าไข่เป็ดและไข่ไก่มีไข่แดงที่สีแตกต่างกัน ขนาดของไข่เป็ดใหญ่กว่าไข่ไก่

กิจกรรมที่ 4 เป็นกิจกรรมคุกกิ้งคือไข่หวานโดยเด็กสามารถประกอบอาหารที่มีขั้นตอนง่ายๆได้และเด็กจะเกิดความภาคภูมิใจที่สามารถประกอบอาหารรับทานเองได้ครูให้เด็กร่วมกันทำคุกกิ้งเด็กได้รู้ปริมาณการใส่เครื่องปรุงว่าต้องใส่น้ำหกถ้วยตวงและใส่น้ำตาลหนึ่งถ้วยตวง ขั้นตอนการตอกไข่ครูได้สาธิตให้เด็กดูก่อนพอให้เด็กตอกไข่ครูก็สามารถเข้าไปช่วยได้เพราะเด็กอาจจะยังไม่มีประสบการณ์การตอกไข่กล้ามเนื้อมือกับตาตายังไม่ประสานสัมพันธ์กันเด็กไม่สามารถก่ะได้ว่าต้องกดมือให้ไข่ลงตรงถ้วยพอดีหลังจากนั้นให้เด็กลงมือตอกไข่ใส่ถ้วยแล้วใส่ลงหม้อโดยครูสาธิตในการใส่ไข่ลงหม้ออย่างไรให้ถูกวิธี เด็กได้มีประสบการณ์เรียนรู้ได้ด้วยตนเองจากการกระทำ leaning by doing เด็กจะเกิดประสบการณ์ตรงและเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการศึกษาที่สูงขึ้น


วิจัย (เพิ่มเติม) เรื่อง การพัฒนาทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย โดยใช้รูปแบบกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์เพื่อการเรียนรู้

          ในการวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงทดลองที่มุ่งศึกษาพัฒนาทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยโดยใช้รูปแบบกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์เพื่อการเรียนรู้-ความมุ่งหมายของวิจัย  เพื่อเปรี่ยบเทียบทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยก่อนและหลังได้รับการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์เพื่อการเรียนรู้

-สมมติฐานในการวิจัย  เด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดรูปแบบกิจกรรมสร้างสรรค์เพื่อการเรียนรู้มีพัฒนาการทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ก่อนและหลังการทดลองแตกต่างกัน-ขอบเขตการวิจัย

  นักรียนระดับปฐมศึกษา ชาย-หญิง โรงเรียนอนุบาลละอออุทิศ จำนวน 10 ห้อง-เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า1.แผนการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์เพื่อการเรียนรู้2.แบบทดสอบทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์การสร้างแผนการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์เพื่อการเรียนรู้

-สรุปผลวิจัย  เด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์มีคะแนนเฉลี่ยทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ โดยรวม 5 ทักษะและการจำแนกรายทักษะ คือ ทักษะการบอกตำแหน่ง ทักษะการจำแนก ทักษะการนับ ทักษะการรู้ค่าของจำนวน และทักษะการเพิ่ม-ลด อยู่ในระดับที่ดี และเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ มีพัฒนาการทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ในทุกทักษะสูงขึ้น

แผนการสอนการจัดกิจกรรมรูปแบบศิลปะสร้างสรรค์เพื่อการเรียนรู้

หน่วย ต้นไม้  หน่วยย่อย ขนาดของต้นไม้
มโนท้ศน์  ต้นไม้มีขนาดแตกต่างกัน เช่น ต้นใหญ่ ต้นเล็ก ต้นสูง

จุดประสงค์  สามารถจำแนกจำแนกขนาดต้นไม้ได้  

กิจกรรมศิลปะ  ศิลปะค้นหากิจกรรมการเรียนการสอน
ขั้นนำ1.กระตุ้นการเรียนรู้ คือ ให้สิ่งเร้าที่สอดคล้องกับสาระ
        2.กรองสู่มโนทัศน์ คือ กระตุ้นให้สะท้อนคิดและโยงความรู้เพื่อให้เข้าใจมากขึ้รขั้นสอน
        3.ครูพาเด็กออกไปสังเกตต้นไม้ในบริเวนสนามเล่นในโรงเรียน บอกจุดประสงค์ว่าจะเรียนเรื่องขนาดของต้นไม้
        4.สนทนา ตั้งคำถามกับเด็กเกี่ยวกับต้นไม้ เช่น เด็กๆคิดว่าต้นไม้ในสนามมีขนาดเท่ากันหรือไม่  ต้นไม้ต้นไหนใหญ่ที่สุด ต้นไม้มีจำนวนกี่ต้น (ให้เด็กร่วมกันนับ)
        5.ครูแจกกระดาษให้เด็กๆวาดรูปต้นไม้ที่ตนเองชอบสรุปให้เด็กๆถามเกี่ยวกับผลงานของเพื่อนและร่วมกันสรุปการทำกิจกรรมในครั้งนี้

สื่อ
1.ดินสอ
2.กระดาษ
3.ต้นไม้ที่สนามเด็กเล่น (ของจริง)

ประเมิน1.สังเกตการตอบคำถามเกี่ยวกับต้นไม้ของเด็ก
           2.สังเกตความสนใจในการทำกิจกรรม3.สังเกตผลงานศิลปะของเด็ก




3. กิจกรรมการเรียนรู้
     การทำ mind map เรื่องราวทั้งหมดของหน่วยที่เราจะเลือก เราจำเป็นจะต้องรู้ข้อมูลรายละเอียดต่างๆของเรื่องนั้น เช่น ประเภท ลักษณะ ประโยชน์ โทษ เพื่อจะใช้ว่าจะสอนอะไรกับเด็ก การเลือกเรื่องต้องเป็นสิ่งที่ใกล้ตัวเด็ก เช่น ผลไม้ ผัก ยานพาหนะ โรงเรียนของฉัน ดอกไม้ น้ำ ของเล่นของใช้ สัตว์ ข้าว เป็นต้น
หน่วยที่เลือกนั้นเลือกตามสาระการเรียนรู้ 4 สาระ
1. เรื่องราวเกี่ยวกับตัวเด็ก
2. บุคคลและสถานที่แวดล้อมเด็ก
3. ธรรมชาติรอบตัวเด็ก
4. สิ่งต่างๆรอบตัวเด็ก

ทักษะ
  1. ทักษะการออกแบบ
  2. ทักษะการลงมือปฎิบัติงาน
  3. ทักษะการคิด
  4. ทักษะการฟังการนำเสนอ
  5. ทักษะการใช้เทคโนโลยี
  6. ทักษะการสรุปองค์ความรู้

การนำไปประยุกต์ใช้
       ในการฟังการนำเสนอ วิดีโอและวิจัยเกี่ยวกับคณิตศาสตร์สามารถทำให้มีความรู้และความเข้าใจในการจัดประสบการณ์ จัดกิจกรรมให้กับเด็กมากขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเกี่ยวข้องกับคณิตศาสตร์ทั้งสิ้น เช่น เรื่องการทำอาหาร ก็มีการตวงเครื่องปรุง ซึ่งอยู่ในสาระการเรียนรู้ทางคณิตศาสตร์ 

เทคนิคการสอนของอาจารย์
  1. ให้ความรู้ด้วยกิจกรรม
  2. สรุปความรู้
  3. บรรยายความรู้เกี่ยวกับคณิตศาสตร์
  4. สอดแทรกเรื่องคุณธรรม
  5. ให้นักศึกษานำเสนอข้อมูล

ประเมินครูผู้สอน


    อาจารย์มีความตั้งใจในการสอน สรุปความรู้ประเด็นสำคัญให้นักศึกษานำไปใช้ กระตุ้นให้นักศึกษารู้จักเรียนรู้ในสิ่งที่เป็นประโยชน์ คอยให้คำแนะนำเมื่อนักศึกษาเกิดคำถามในการทำกิจกรรม